รอบรั้วทันข่าว

นายกฯ “อนุทิน” สั่งเร่งเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม “One Stop Service” ครัวเรือนละ 9,000 บาท ทันที

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและเร่งรัดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน

ที่ประชุมมีมติสำคัญคือการอนุมัติ หลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 โดยให้ความช่วยเหลือในอัตราเดียวคือ ครัวเรือนละ 9,000 บาท ตามหลักเกณฑ์เดียวกับปี 2567 ซึ่งครอบคลุม 2 กรณีหลัก ได้แก่ ครัวเรือนที่อยู่อาศัยประจำในพื้นที่ประสบภัยและทรัพย์สินเสียหาย (น้ำท่วมไม่เกิน 7 วัน) และครัวเรือนที่ถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันเกินกว่า 7 วัน

นายอนุทิน ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ จ่ายเงินช่วยเหลือดังกล่าวทันที เพื่อให้ความช่วยเหลือถึงมือประชาชนอย่างรวดเร็วที่สุด

ตั้ง “ศอภ.” และ “ศชภ.” บูรณาการช่วยภัยพิบัติเบ็ดเสร็จ

นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความห่วงใยสถานการณ์อุทกภัย ซึ่งยังคงมีพื้นที่ได้รับผลกระทบใน 17 จังหวัด และยังต้องเผชิญกับผลกระทบจากพายุ “แมตโม” และฤดูมรสุมในภาคใต้ โดยสั่งการให้หน่วยงานเตรียมพร้อมรับมืออย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้แจ้งถึงการจัดตั้งกลไกสำคัญในการบริหารจัดการสถานการณ์ภัยพิบัติ ได้แก่ :

  1. คณะอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือ “ศอภ.” โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อทำหน้าที่อำนวยการและบริหารสถานการณ์อย่างครอบคลุม ตั้งแต่การเตรียมพร้อม การป้องกัน การช่วยเหลือเยียวยา และการฟื้นฟู
  2. ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือ “ศชภ.” ซึ่งมี นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ เพื่อเป็นหน่วยบัญชาการที่บูรณาการทุกภาคส่วนในการปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแบบ “เบ็ดเสร็จ” (One Stop Service)

กำชับทุกหน่วยงานเร่งสำรวจและฟื้นฟู

นายอนุทินได้กำชับให้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการ คอภ. บูรณาการกับจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งสำรวจและจัดทำบัญชีผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อให้การช่วยเหลือครบทุกมิติ และดำเนินการ ฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน ที่เสียหายให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

ปภ. ได้รายงานว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 17 จังหวัด ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 108,870 ครัวเรือน และได้ระดมเครื่องจักรกลสาธารณภัยกว่า 790 หน่วย เข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือด้านต่างๆ ทั้งการดำรงชีพ การสัญจร การระบายน้ำ และการจัดตั้งศูนย์พักพิง รวมถึงมีการขออนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการใน 9 จังหวัด เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง

นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำในตอนท้ายว่า จะมีการประชุม คอภ. เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ และกำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการจ่ายเงินเยียวยา 9,000 บาท ทันทีตามระเบียบหลักเกณฑ์

Related Articles

Back to top button