วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ณ ห้องประชุมศาลาประชาคม ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก รองผู้บังคับการหน่วยรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในกิจกรรมวันชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยมีนายอัครโชค สุวรรณทอง ปลัดจังหวัดพิษณุโลก ผู้ช่วยผู้บังคับการหน่วยรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรม
กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติ และเสริมสร้างขวัญกำลังใจแก่สมาชิกชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งเป็นกำลังราษฎรอาสาสมัครที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้าน โดยมีภารกิจหลักทั้งการอยู่เวรยาม ตรวจลาดตระเวน สืบหาข่าว ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย และช่วยเหลือเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะการปกครองท้องที่
โดยในปีนี้ กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศให้วันที่ 16 กรกฎาคมของทุกปีเป็น “วันชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)” อย่างเป็นทางการเป็นปีแรก เพื่อเชิดชูเกียรติชุด ชรบ. ทั่วประเทศ และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ที่ได้ทรงประกาศใช้ “กฎหมายลักษณะโจรห้าเส้น” เมื่อ พ.ศ. 2380 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อเกิดราษฎรอาสาในการช่วยเหลือราชการ เพื่อประโยชน์สุขของบ้านเมือง
ในโอกาสนี้ นายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้อ่านสารรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย ความตอนหนึ่งว่า
“ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เป็นกำลังราษฎรอาสาที่สำคัญ ทำหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะการปกครองท้องที่ ด้วยภารกิจที่ครอบคลุมทั้งการป้องกันอาชญากรรม สืบหาข่าว ป้องกันภัย และกิจกรรมด้านความมั่นคงหลากหลายรูปแบบ กระทรวงมหาดไทยตระหนักดีถึงความเสียสละ และขอยืนยันที่จะสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของ ชรบ. อย่างเต็มกำลัง พร้อมทั้งขออาราธนาอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเดชะพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ดลบันดาลให้สมาชิก ชรบ. และครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญ ปลอดภัย และมีพลังใจในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง”
ภายในงานยังมีพิธีมอบธงสัญลักษณ์ประจำหน่วย และมอบรางวัลหมวดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านดีเด่นระดับจังหวัด รวมถึงการกล่าวคำปฏิญาณตนของสมาชิกชุด ชรบ. ที่เข้าร่วมงานจากทุกอำเภอในจังหวัดพิษณุโลก รวมจำนวนทั้งสิ้น 220 นาย
กิจกรรมครั้งนี้นับเป็นการรวมพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ผู้นำชุมชน และภาคประชาชน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในระดับพื้นที่ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความมั่นคงระดับประเทศอย่างแท้จริง
